_______ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ลุยซา เมย์ อัลคอตต์ อาศัยอยู่และมีพื้นฐานการศึกษาในสังคมนักปรัชญาแนว transcendentalist ที่เน้นความสำคัญภายใน และประสบการณ์ของปัจเจกชน โดยไม่สนใจข้อจำกัดหรือยึดติดวัตถุภายนอก ที่พ่อของเธอ เอมอส บรอนสัน อัลคอตต์ และเพื่อนๆนักคิด นักเขียนของเขายึดถือ และได้ก่อตั้งกลุ่มสังคมที่อยู่กินกับธรรมชาติ ที่เมืองคองคอร์ด เมืองเล็กๆที่เงียบสงบของรัฐเมสซาชูเซท สหรัฐอเมริกา ซึ่งก็เป็นเมืองที่นักคิด นักเขียน และนักปรัชญาอีกหลายต่อหลายคนที่เธอชื่นชอบ เกิด หรือ พำนักอาศัยอยู่ อันได้แก่ เฮนรี เดวิด ธอโร ผู้เขียน 'Civil Disobedience' และ 'Walden, or Life in the Woods', นาธาเนียล ฮอธอร์น ผู้เขียน 'The Scarlet Letter', และ ราล์ฟ วอลโด อีเมอร์สัน กวี และนักปรัชญาแนว transcendentalist ที่เป็นทั้งเพื่อนและผู้สนับสนุนพ่อของเธอ
เรื่อง สาวน้อย นอกจากจะสะท้อนแนวคิดการศึกษาดังกล่าวที่ ลุยซา เมย์ อัลคอตต์ ผู้เขียนได้รับการศึกษาโดยพ่อของเธอ และโดยแวดวงนักปรัชญาดังกล่าวแล้ว ในชีวิตจริงของครอบครัวเธอที่ต้องทำงานหนัก ด้วยความที่พ่อของเธอเป็นผู้ที่เคร่งครัดต่อแนวความคิดดังกล่าวมาก พวกเธอจึงต้องกินมังสาวิรัต ทำสวน เย็บปักถักร้อย และทำงานต่างๆอยู่ตลอดเวลา แต่นอกเหนือจากเวลาเหล่านั้น ผลพลอยได้ก็คือ เธอได้รับการปลูกฝังให้เป็นคนรักการอ่านด้วย ซึ่งในช่วงเวลาต่อมาที่สงครามกลางเมืองในอเมริกา (ค.ศ. ๑๘๖๑ - ๑๘๖๕) เกิดขึ้น
เธอที่ถูกสอนให้รู้จักทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นก็ได้เข้าร่วมไปมีประสบการณ์ตรงในการอาสาสมัครเข้าเป็นนางพยาบาลช่วยเหลืองานในโรงพยาบาลที่รักษาทหารเหล่านั้น ซึ่งจากประสบการณ์ที่เธอได้รับดังกล่าวก็ถูกสะท้อนลงในงานเขียนเล่มนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไม่ชื่นชมเสื้อผ้าที่หรูหราที่นอกจากจะแสดงถึงความฟุ้งเฟ้อแล้ว ในยุคที่นอกจากจะมีสงครามดังกล่าว ยังถือได้ว่าเป็นยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วย โรงงานทอผ้าหลายแห่งใช้แรงงานเด็กๆ นอกจากนี้ จดหมายของเธอที่เขียนขึ้นและรวบรวมขึ้นในช่วงที่เป็นอาสาสมัครนี้ก็ได้รับการตีพิมพ์ขึ้นเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จชิ้นแรกของเธอเองด้วย
ผลงานดังกล่าวมีชื่อว่า 'Hospital Sketches' หนังสือเรื่อง สาวน้อย (ตีพิมพ์ครั้งแรก ค.ศ. ๑๘๖๘) เป็นผลงานที่ลุยซา เมย์ อัลคอตต์ เขียนขึ้นเมื่อเธอกลับจากงานอาสาสมัครดังกล่าว และเริ่มจับงานนิตยสารสำหรับเด็ก เช่นเดียวกับที่พ่อของเธอพยายามทำงานในด้านการสอนเด็กๆ ดังที่ได้พยายามเปิดโรงเรียนสอนเด็กเล็กมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งต่อมาเธอก็ได้รับคำแนะนำจากทางสำนักพิมพ์ให้ลองเขียนเรื่องสำหรับให้เด็กผู้หญิงอ่าน และประสบการณ์เกี่ยวกับผู้หญิงที่ปรากฏชัดที่สุดสำหรับตัวเธอเองก็มีแค่ประสบการณ์ของความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเธอกับครอบครัวของเธอซึ่งเธอเป็นลูกสาวคนที่สองในจำนวนลูกสาวทั้งหมด ๔ คน ซึ่งเป็นชีวิตจริงอยู่แล้วที่ทุกๆคนในครอบครัวของเธอมักจะได้รับการปลูกฝังให้รู้จักคุณค่าของการทำงาน และทำตนให้เป็นประโยชน์กับสังคม ดังนั้น ผลงานของเธอจึงได้ถ่ายทอดเอาความรู้สึกสนุกสนาน ความสุขและคุณค่าของการทำงานเหล่านั้นเอาไว้ ในหนังสือ สาวน้อย นี้ตัวละครหลักได้แก่ เด็กสาว ๔ คนของครอบครัวมาร์ชที่เสาหลักของครอบครัว (คุณมาร์ช) ได้จากครอบครัวและเข้าไปร่วมรบในสงคราม ซึ่งผู้เขียนได้สอดแทรกมุมมองไว้บ้างในฐานะของตัวแทนของความกล้าหาญและเสียสละเพื่อบ้านเมือง แม้ว่าจะต้องละทิ้งครอบครัวของตนไว้ให้พบกับความลำบาก
ครอบครัวมาร์ชก็เช่นเดียวกัน ถูกวางตัวไว้ในฐานะที่ค่อนข้างยากจน ดังนั้นลูกสาวทุกๆคนของครอบครัวจึงได้รับบทเรียนที่สอนให้รู้จักกับคุณค่าของการทำงาน และรู้จักการช่วยเหลือผู้อื่นจากสถานะดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ความสนุกสนานที่ถูกถ่ายทอดออกมาในตัวละครที่มีบุคลิกที่มีความเป็นคนกระตือรือร้น ช่างคิด สนุกสนาน และอ่อนโยน ทำให้สาวน้อยมาร์ชทั้ง ๔ ทำให้วันแต่ละวันผ่านไปอย่างมีความสุข ตัวละครกับบุคลิกที่ต่างกันทั้ง ๔ แบบนั้น มีตั้งแต่พี่คนโต เม็ก ที่มีความเป็นกุลสตรี แต่ก็มีความหวังในความสะดวกสบายและความร่ำรวย หรูหรา, โจ ที่กระตือรือร้น และเป็นนักคิดที่สร้างสรรค์ ก็มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ขี้โมโหของตน และรวมทั้งติดนิสัยกระโดกกระเดกด้วย, เบธ น้องสาวที่มีความสงบเสงี่ยม มีความเป็นคนมีเมตตา รักครอบครัว ก็มีความเขินอายมากเกินไป, และ เอมี ที่ช่างคิด มีพรสวรรค์ ก็เอาแต่ใจ และเห็นแก่ตัว ตัวละครทั้ง ๔ ได้รับบทเรียน ในการปรับปรุงลักษณะนิสัยดังกล่าวกันไปคนละทาง ตามแต่เหตุการณ์จะดึงเอาข้อด้อยดังกล่าวนั้นออกมา
แต่ด้วยความรัก ความเข้าใจกันและกันของพวกเธอและ'แม่'ที่เฝ้ามองพวกเธอด้วยสายตาที่เข้าอกเข้าใจ สิ่งเหล่านี้เองที่เสริมสร้างเป็นพลังที่ช่วยผลักดันให้พวกเธอก้าวพ้นข้อบกพร่องเหล่านั้นไปได้ ซึ่งในแง่มุมดังกล่าวแล้ว ดูเหมือนว่า ลุยซา เมย์ อัลคอตต์ จะวางตัวละคร 'แม่' นี้ให้มีความเป็นผู้ใหญ่ที่คอยควบคุมสภาวะแวดล้อม รวมทั้งผู้คนและบทเรียนที่จะเข้ามาสู่ลูกๆของเธอด้วย ซึ่งเป็นสะท้อนบทบาทของการเป็นผู้ให้การศึกษาที่ทำให้ทุกๆสิ่งที่เด็กๆในครอบครัวมาร์ชได้รับล้วนแล้วแต่เป็นบทเรียนที่สอนให้พวกเธอเติบโตขึ้นเป็นบุคคลที่ดีและที่งาม นอกจากนี้ กิจกรรมต่างๆที่ครอบครัวมาร์ชทำนั้นก็ล้วนแล้วแต่มีความสนุกสนาน และเสริมสร้างความสุขให้กับชีวิตอีกด้วยเช่นที่แม่กล่าวไว้ว่า 'ต้องมีทั้งการทำงาน และการพักผ่อน (ความสนุกสนาน) สองอย่างควบคู่กัน' กิจกรรมของครอบครัวมาร์ชจึงมีทั้งการเล่นอันได้แก่ เล่นละคร, การตั้งสมาคมที่มีการเขียนงานโต้ตอบกัน, หรือเป็นการทำกิจกรรมที่น่าสนุกที่ทำประโยชน์ และการทำงานเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัวสลับกัน เนื่องจากหนังสือเล่มดังกล่าวประสบความสำเร็จ รวมทั้งผู้เขียนมีความต้องการที่จะให้ตัวละครดังกล่าวนี้ส่งสารถึงวิถีชีวิตอันแท้จริงของมนุษย์ผู้หญิงในสังคมของพวกผู้ชาย ดังนั้น ลุยซา เมย์ อัลคอตต์ เองได้เขียน และตีพิมพ์หนังสือเล่มอื่นๆตามออกมาอีก อันได้แก่ 'Good Wives' ที่เป็นภาคต่อของสาวน้อย, 'Jo's Boys' เรื่อง 'Little Men' และรวมทั้งหนังสือที่มีชื่อว่า 'The Chase' ที่มีเนื้อหาในเชิงวิเคราะห์แนวเฟมินิสต์ที่เธอเขียนขึ้นสำหรับเด็กด้วย สาวน้อย มีลักษณะเป็นวรรณกรรมที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการสอน ที่มีการดำเนินเรื่องผ่านเรื่องราวธรรมดาที่แสนจะสนุกสนานที่สามารถจะเกิดขึ้นได้จริงในชีวิตประจำวันจริงๆ ทำให้เด็กๆทั้งผู้หญิงและผู้ชายชื่นชอบกันมาตั้งแต่ที่หนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์ในศตวรรษที่๑๙แล้ว สาวน้อย จึงเป็นวรรณกรรมอมตะที่มีเนื้อหาสอนศีลธรรมที่ยอดเยี่ยมเล่มหนึ่งที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนต์ในชื่อเดียวกันนี้ 'The Little Women' และมีชื่อในพากย์ไทยว่า 'สี่ดรุณี'
___________
